วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555

โยคะและสมาธิ

หลังคลาสฝึกโยคะเย็นนี้ นักเรียนสองสามคนนั่งพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่บังเอิญวกเข้าเรื่องของสมาธิและจิต ซึ่งยังเป็นที่สงสัยสำหรับผู้เรียนหลายคนว่า เราจะมีสมาธิหลังจากฝึกโยคะจริงหรือเปล่า..
หากเจาะลึกไปในเรื่องของรายละเอียด เราอาจไม่มีข้อมูลเพียงพอสำหรับการอธิบายลึกลงไปในเรื่องของสมาธิ จนถึงรายละเอียดขั้นตอนของการปฎิบัติ
...สิ่งที่เราทำกันอยู่ทุกวันเป็นการฝึกโยคะที่หนักหน่วงนั้น ใจของข้าพเจ้าคิดถึงการปรับท่วงท่าอาสนะของผู้ฝึกก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องของลมหายใจที่ยาวนานนั้น เป็นเรื่องสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าไม่มองข้าม
...ลมหายใจที่ลึกและยาวนาน ช่วยในการปรับอุณหภูมิของร่างกาย ปรับความดันโลหิต ระบบต่างๆจะทำงานช้าลง และท้ายที่สุด เมื่อฝึกไปในระดับหนึ่ง เราจะมีความจดจ่อกับท่วงท่าอาสนะ...
สิ่งนั้นคือจุดเริ่งต้นของการมีสติอยู่กับตัว

นักเรียนโยคะส่วนมากเป็นพนักงานประจำตามบริษัทต่างๆ ที่ชีวิตหนึ่งวันต้องวุ่นวายกับการทำงานตามกำหนดการตามที่บริษัทกำหนด ทุกจังหวะของลมหายใจเข้าออกมีแต่ความรีบเร่ง
คงไม่ต้องถามถึงเรื่องของสมาธิในระดับต่างๆ เพราะการทำงานให้ทันกับเวลาก็แทบไม่ทัน

การสอนของข้าพเจ้าจึงใช้หลักการดูจากภาพรวมของชั้นเรียนนั้นๆ ว่าสิ่งประกอบแวดล้อมมีอะไรบ้าง..
ความรีบเร่งก่อนเข้ามาเรียน การออกมาจากที่ทำงานเพื่อให้ทันเวลาเรียน จึงสลายลงด้วยการฝึกอาสนะที่หนักในช่วงต้น และเมื่อจิตของผู้เรียนเริ่มอยู่กับสิ่งที่กำลังปฏิบัติ นั่นคือการฝึกโยคะ ลมหายใจที่เร็วเร่งก็จะช้าลง

... สมาธิจะมีหรือไม่มีนั้น คงไม่สามารถสรุปได้ในเวลาเพียงสั้นๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่ได้แน่นอนนั่นคือ ร่างกายที่มีความยืดหยุ่น

เมื่อร่างกายยืดหยุ่น ความตึงเครียดต่างๆก็ลดถอยลงไป

เป็นธรรมดาของโลก มีหนัก ก็มีเบา
หายใจให้ช้า สูดลมหายใจให้ลึก กำหนดลมหายใจเข้าออก นับเป็น 1:2
คุณจะพบว่า โลกมันไม่ได้เร่งรีบขนาดนั้น

เราเองต่างหากที่รีบเร่งกันไปเอง

yogiya

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น