วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2552

การหายใจ


ช่วงเวลานี้อากาศเย็นลง เรามาอ่านเรื่องเกี่ยวกับ "การหายใจ"กันครับ
ที่เขียนเรื่องนี้ เพราะการหายใจเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกโยคะควรรู้ครับ ในกระบวกการฝึกโยคะ เราจะต้องหัดกำหนดลมหายใจก่อนอื่น เพราะพฤติกรรมการหายใจของเราในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำงานในรูปแบบของบริษัท จะต้องรีบเร่งในหลายอย่าง เพื่อแข่งกับเวลาที่มีไม่มากนัก การหายใจของคนที่รีบเร่งจะหายใจเข้าออกอย่างรวดเร็ว ส่วนการหายใจของผู้ฝึกโยคะจะหายใจเข้าช้าๆประมาณ 4 วินาที จนเต็มปอด และหายใจออกช้าๆเช่นกันครับ ซึ่งจะมีผลกับร่างกาย เท่าที่เราค้นคว้ามาได้ตอนนี้ และคิดว่าน่าสนใจ ลองอ่านดูนะครับ

การหายใจของคนเรา มีสองลักษณะใหญ่ๆ

1.การหายใจเข้า 
   การหายใจทางปาก เป็นการหายใจเข้าทางลำคอโดยผ่านทางช่องคอที่หลังโคนลิ้น และด้านบนของหลอดลม
การหายใจลักษณะนี้อากาศจะเข้าสู่ปอดทั้ง 2 ข้างโดยไม่มีการกรองอากาศ ความชื้นของอากาศที่เข้าไปยังไม่อบอุ่นก่อนเข้าสุ่ร่างกายตามที่ควรจะเป็น
   การหายใจทางจมูก จะมีเนื้อเยื่อที่เป็นเมือก ซึ่งหลั่งสารออกมาเป็นตัวกรองอากาศ ซึ่งสารนี้มีคุณสมบัติในการฆ่าแบคทีเรียที่ผ่านเข้าในร่างกาย และการหายใจทางช่องจมูกก็ทำให้อากาศเดินทางเป็นระยะยาวก่อนจะเข้าถึงปอด อากาศจึงมีความอบอุ่นขึ้นจนใกล้เคียงกับระดับอุณหภูมิของร่างกาย และป้องกันไม่ให้อากาศเย็นจัดเข้ามากระทบอวัยวะภายในจนเกิดผลเสียกับร่างกายเรา
  การหายใจอย่างถูกต้องโดยผ่านทางช่องจมูกจะทำให้พลังงานอันละเอียดอ่อน(ตำราทางโยคะเรียกว่า พลังปราณะ = prana ไหลไปมาอย่างเหมาะสม ซึ่งช่องทางเดินของพลังปราณะเริ่มต้นจากรูจมูกทั้งสอง และสิ้นสุดที่กระดูกสันหลังท่อนล่างสุด)
   การหายใจเข้าออกลึกๆ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเข้าในร่างกายมากและเพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ ซึ่งในที่สุดก็จะช่วยควบคุมจิตให้สงบ พร้อมรับมือกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพ
2.การหายใจออก
   เมื่อเราหายใจเข้า เลือดจะถูกสูบเข้าไปในปอดโดยหัวใจซีกขวาทำหน้าที่สูบฉีดให้เลือดไหลเวียนไปสู่ปอด
ปอด มีลักษณะคล้ายฟองนำ้ที่มีเยื่อเป็นรูพรุนและมีความยืดหยุ่นสูง ประกอบไปด้วยถุงเล็กๆจำนวนมาก เมื่อเราหายใจเข้า อากาศจะผ่านจากช่องจมูกลงสู่หลอดลม ซึ่งปลายของหลอดลมแบ่งเป็นสองทางคือ ปอดและถุงลมเล็กๆเหล่านั้น
   เมื่อเลือดไหลเวียน ออกซิเจนก็จะซึมจากผนังของถุงลมเล็กๆที่กล่าวมา ทะลุผ่านเส้นโลหิตฝอยเข้าสู่กระแสโลหิต ถุงอากาศเล็กๆนี้เป็นเหมือนท่อระบายออกซิเจนบริสุทธิ์ให้กับเลือด และรับคาร์บอนไดออกไซด์จากกระแสเลือดไว้ ซึ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นี้เกิดจากของเสียในร่างกายของเรา โดยกระแสเลือดจะชะล้างมาจากส่วนต่างๆของร่างกาย และถ้าหากอากาศเสียที่สะสมคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ถูกขับออกจากถุงลมเล็กๆนี้ให้หมด อากาศบริสุทธิ์จะไม่สามารถเข้ามาแทนที่ในปอดได้เลย ไม่ว่าเราจะหายใจเข้าแรงแค่ไหน ดังนั้นเราควรหายใจออกแรงและยาวด้วยเสมอ
   การหายใจของเราตามปกติ จะบีบหรือไล่อากาศออกไปจากส่วนบนหรือส่วนกลางของปอดเท่านั้น ส่วนล่างสุดของปอดมักจะถูกปล่อยไว้ และในนั้นจะเต็มไปด้วยอากาศที่ไม่ได้ถ่ายเทออกไป
(ปอดของเรามีความสามารถที่จะบรรจุอากาศได้ 5 ลิตร แต่มีเพียง 3ลิตรเท่านั้นที่มีการระบายและถ่ายเทอากาศอย่างสมบูรณ์ )
   การหายใจออกอย่างไม่ถูกต้องทำให้ปอดอยู่ในลักษณะที่เฉื่อยชา และเกิดแบคทีเรียรูปท่อน (bacilli) ซึ่งจะโจมตีทำร้ายเนื้อเยื่อที่อ่อนแอ ทำให้เกิดโรคต่างๆขึ้นได้ในปอดของเราครับ
***รายละเอียดเพิ่มเติม และภาพประกอบคำอธิบาย เรายังวาดไม่เสร็จ รออีกสักวันสองวันนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น