วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไป


ภาวะอุทกภัยที่ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังประสบ ทำให้หลายคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก แม้แต่ผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างปกติก็ยังอดมีความหวาดระแวงไม่ได้ว่านำ้จะท่วมบ้านหรือเปล่า แม้แต่ผมเองในบางครั้งยังหวั่นไหวกับภาพที่พบเห็นในสื่อต่างๆ และไม่กี่วันที่ผ่านมา พายุฝนได้กระหนำ่ในละแวกที่พักอาศัย จนเกิดอาการนำ้ท่วมขังที่ค่อนข้างน่ากลัว

หลายคนเสียขวัญและกำลังใจ จึงไม่แปลกที่กิจกรรมทางสังคมต่างๆ ทั้งการประกอบธุรกิจสาขาต่างๆก็ชะงักลง แม้แต่ผู้ที่ฝึกโยคะก็ไม่มีเวลาจะมาคำนึงถึงเรื่องสุขภาพ

ธรรมชาติไม่ได้โหดร้าย เพียงแต่ธรรมชาติดำเนินไปตามวิถีทางของตนเอง เราอาจไม่รู้สึกถึงความคุ้นชิน เพราะอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย จนบางครั้ง เมื่อสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่างหายไป เราก็ไม่สามารถทำอะไรในแบบที่เป็นปกติได้

ผมไม่ได้เขียนให้รู้สึกว่าเป็นการกระทบกระเทือนซำ้เติมหรือเจตนาแอบแฝงแต่อย่างใด แต่สิ่งที่เขียนในวันนี้เป็นการสะท้อนความคิดถึงวิถีชีวิตที่แสนจะธรรมดา

…ในโลกที่สวยงามและศิวิไลซ์ หลายคนกำลังต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเติมเต็มความฝันความคิดที่ไม่สมบูรณ์

หลายคนสะกดจิตใจตนเองด้วยสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่อาจมากเกินความจำเป็น

หลักการดำรงชีวิตง่ายๆ ที่เราต่างรู้ …ปัจจัยสี่ ซึ่งได้แตกแยกออกไป

บทเรียนจากธรรมชาติอาจเป็นเหมือนภาพในหนังสารคดีหรือภาพยนตร์ระดับโลกที่ดูเพื่อความบันเทิง

และนานวันเข้า เราก็หลงลืม และพบกับบทเรียนใหม่ๆที่นับวันจะเลวร้ายขึ้น ตามวันเวลาของเทคโนโลยีที่เข้ามา

เรารับรู้ข้อมูลต่างๆผ่านทางข้อมูลจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ แทนการอ่านจากหน้ากระดาษ

หรือว่า…โลกหมุนเร็วเกินไป

หลับตาช้าๆ นั่งในที่สงบ…

หายใจเข้าและออกยาวๆ … ก้าวเข้าสู่โลกแห่งจิตใจดูสักครั้ง

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สมดุลย์ของธรรมชาติ

เดือนตุลาคม ช่วงรอยต่อของปลายฤดูฝนและเตรียมตัวเข้าสู่ฤดูหนาวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ปีนี้หลายพื้นที่ประสบอุทกภัย เป็นปีที่นำ้มากกว่าหลายปี
แม้จะจำความได้ว่า ในช่วงชีวิตหนึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วก็ตาม
แต่การทิ้งช่วงของเหตุการณ์ธรรมชาติ เรื่องของฤดูกาลนั้น กาลเวลามักจะทำให้เราหลงลืมว่าเมื่อเหตุการณ์ต่างๆหวนกลับมาอีกครั้ง จะรับมือกับปัญหาต่างๆได้อย่างไร
ความเดือดร้อนของมนุษย์นั้น สาเหตุหนึ่งคือเรื่องของการขาดความสมดุลย์ ขาดความพอดี
ผมเองไม่ใช่ผู้นำทางความคิดแต่อย่างใด เพราะทุกสิ่งที่เขียนมาตลอดระยะเวลายาวนานนั้น เป็นเพียงการนำเสนอมุมมองในทัศนะของคนอีกหนึ่งคน
ในวันที่วัยวุฒิและประสบการณ์สั่งสอนเราว่า ความประมาทในการใช้ชีวิตเป็นอันตรายต่อตัวเราเอง และหากยังคงอยู่ติดตัวเราเอง ร่างกายนี้ก็ไม่ต่างจากชีวิตที่อยู่ไปเพื่อปล่อยให้วันเวลาล่วงเลยไป เท่านั้นเอง
ธรรมชาติปรับสมดุลย์โดยตัวเองเมื่อถึงเวลา เราเป็นจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่หากฝืนดื้อดึง ก็ได้รับอันตรายและบาดเจ็บ หากโอนอ่อนตามด้วยความเข้าใจ จะเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ที่เราเองอาจจะไม่เคยมองเห็น
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เราต่างอยู่บนผืนโลกใบเดียวกัน

"You may say that I'm a dreamer
But I'm not the only one
I hope someday you'll join us
And the world will be as one "